5083 จำนวนผู้เข้าชม |
EN 14126 เป็นมาตรฐานสำหรับชุด PPE สำหรับป้องกันเชื้อโรค
เพื่อประเมินความสามารถของผ้าในการต้านทานการซึมผ่านของการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสผ่านการปนเปื้อนที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจกับมาตรฐานนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยมีประเด็นสำคัญ 4 ประการที่ควรรู้ดังนี้
1.มาตรฐานนี้คืออะไร?
2.การรับรองบอกอะไรคุณและควรใช้อย่างไร?
3.การทดสอบที่สำคัญที่สุด ภายในมาตรฐาน EN14126?
4.ความแตกต่างระหว่างการทดสอบ ISO 16603 และ ISO 16604
1. การทดสอบมาตรฐาน EN 14126 คืออะไร?
มาตรฐาน EN 14126 นี้เป็นมาตรฐานที่ใช้ สำหรับทดสอบกับเนื้อผ้าเท่านั้น และไม่ใช่การทดสอบหรือรับรองชุด PPE ทั้งชุด
ส่วนการทดสอบชุด PPE จะถูกทดสอบในมาตรฐานที่ใช้กำหนดประเภท หรือ EN “ Type” ดังนี้:
EN 13034 (ใช้ในการทดสอบชุด Type 6 โดยทดสอบการป้องกันจาก สเปรย์ละออง / Aerosol Sprays)
EN 13982 (ใช้ในการทดสอบชุด Type 5 โดยทดสอบการป้องกันจากอนุภาคฝุ่นพิษ)
EN 14605 (ใช้ในการทดสอบชุด Type 3 and 4 โดยทดสอบการป้องกันจาก สเปรย์แบบมีแรงดัน และละอองฝอยน้ำ / jet and shower-type sprays )
EN 943 (ใช้ในการทดสอบชุด Type 1 สำหรับการป้องกันก๊าซและไอระเหย / gases and vapours)
โดยหากชุด PPE ผ่านการทดสอบประเภทใด ก็จะมีการระบุ Type นั้น เช่น “Type 5“, “Type 6” เป็นต้น และหากเนื้อผ้ามีการทดสอบผ่าน EN14126 ด้วย จะมีการเพิ่มคำต่อท้าย “–b”
ดังนั้น เมื่อคุณเห็นชุด PPE ที่มีข้อความ “Type 6-b” แสดงว่าโครงสร้างชุด ตรงตามข้อกำหนดของ Type 6 และ ได้รับการรับรองเนื้อผ้าที่ผ่านมาตรฐาน EN 14126 ด้วย
ส่วนการจะเลือกชุด ppe Type ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับหน้างานและความหนาแน่นของเชื้อโรคในสถานที่ โดยหากทำงานใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่มีอาการไอจามมากหรือทำงานในห้องไอซียู แนะนำให้ใช้ ชุด ppe Type 4-B ขึ้นไป
2. การรับรองมาตรฐานนี้บอกอะไรคุณได้บ้างและควรนำไปใช้อย่างไร?
การมีสัญลักษณ์ EN14126 และคำต่อท้าย“ -b” เพียงอย่างเดียว ไม่ได้บอกคุณเกี่ยวกับชนิดของเชื้อโรคที่เหมาะสมที่จะป้องกัน ไวรัสและแบคทีเรียที่แตกต่างกันจะมีพฤติกรรมและการแพร่กระจายที่แตกต่างกัน มาตรฐานจึงต้องมีการทดสอบหลายแบบ ซึ่งแต่ละแบบจะวัดความต้านทานต่อการปนเปื้อนประเภทต่างๆ
โดยมาตรฐานการทดสอบ “EN 14126” มีมาตรฐานย่อยอีก 5 มาตรฐาน ประกอบด้วย
มาตรฐาน ISO 16603: การตรวจสอบความต้านทานแรงดันของเลือดเทียม
มาตรฐาน ISO 16604: การตรวจสอบความต้านทานแรงดันของเลือดเทียมที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส
มาตรฐาน ISO 22610: การตรวจสอบความต้านทานของเหลวที่ปนเปื้อนแบคทีเรีย
มาตรฐาน ISO 22611: การตรวจสอบการป้องกันละอองของของเหลวที่ปนเปื้อนแบคทีเรียในอากาศ
มาตรฐาน ISO 22612: การตรวจสอบความต้านทานอนุภาคปนเปื้อน
ด้วยเหตุนี้ ชุดPPE ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน EN 14126 ถึงแม้จะได้รับการทดสอบเพียง 1 ใน 4 จากการทดสอบ หรือได้รับการทดสอบทั้งหมด รูปสัญลักษณ์การรับรองบนฉลากก็จะเหมือนกัน
ดังนั้น การดูสัญลักษณ์เพียงอย่างเดียว จึงไม่สามารถบอกได้ว่า ชุด PPE นั้นสามารถป้องกันเชื้อโรคชนิดไหนได้บ้าง ต้องดูประกอบคู่กับรายงานการทดสอบด้วย ว่าผ่านการทดสอบตามมาตรฐานย่อยใดบ้าง และอยู่ class อะไร
3. การทดสอบที่สำคัญที่สุด ภายในมาตรฐาน EN14126 คืออะไร?
จากการทดสอบตามมาตรฐาน ISO 16604 มีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันไวรัส โดยดูได้จากตารางด้านล่างซึ่ง แสดงประเภทของการทดสอบแต่ละครั้ง ขนาดของสารปนเปื้อนที่ใช้และขนาดของไวรัส COVID-19 หรือ Coronavirus 2019-nCoV
จะเห็นได้ชัดเจนว่าเฉพาะการทดสอบ ISO 16604 เท่านั้นที่ใช้สารปนเปื้อน – แบคทีเรีย ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า ไวรัส COVID-19 ส่วนการทดสอบอื่น ๆ ใช้แบคทีเรียที่มีขนาดใหญ่กว่า Coronavirus มาก ดังนั้น ISO 16604 จึงเป็นเพียงการทดสอบเดียวที่แสดงให้เห็นความต้านทานต่อการซึมผ่านของเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โดยสรุปแล้ว การเลือกชุด PPE จึงไม่ควรเลือกเพียงแต่ได้รับการรับรองมาตรฐาน EN 14126 เท่านั้น แต่ยังควรผ่านการทดสอบ ISO 16604 อีกด้วย
4. ความแตกต่างระหว่างการทดสอบ ISO 16603 และ ISO 16604
มาตรฐาน EN 14126 มีการทดสอบเพียง 4 อย่างเท่านั้นที่แสดงถึงระดับการป้องกัน โดย ISO 16603 เป็นการทดสอบที่ไม่ได้มีวัตถุประสงค์เพื่อบ่งชี้ระดับการป้องกันใด ๆ และ ISO 16603 ยังเป็นการทดสอบที่ด้อยกว่า 16604 อีกด้วย
การทดสอบ ISO 16603 เป็นเพียงการทดสอบกรองขั้นต้น ก่อนทดสอบ ISO 16604 เท่านั้น เพื่อลดการทำงานและต้นทุนของการทดสอบ ISO 16604 คือ ถ้าทดสอบ ISO 16603 ไม่ผ่านก็ไม่จำเป็นต้องทดสอบ ISO 16604 ต่อ
ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ที่อ้างสิทธิ์การจัดประเภท ISO 16603 อย่างเดียว อาจจะเป็นไปได้ว่าทดสอบผ่านได้แค่ขั้นตอนเบื้องต้น แต่ไม่ผ่านการทดสอบ ISO 16604 ซึ่งไม่สามารถระบุได้ว่ามีประสิทธิภาพในการกันเชื้อโรคใดๆ
ตัวอย่างชุด Coverall EN14126 ISO16604